การนอนหลับมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตและสุขภาพที่ดี ผู้ใหญ่ควรนอนหลับให้ได้วันละ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
แต่ สำหรับเด็ก ๆ ควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้มากกว่าผู้ใหญ่ โดยเด็กประถมต้น (อายุ 6-8 ขวบ) ควรนอน 11 ชั่วโมง เด็กประถมปลาย (อายุ 9-11 ขวบ) ควรนอน 10 ชั่วโมง เด็กมัธยมต้น (อายุ 12- 14 ปี) ควรนอน 9.25 ชั่วโมง เด็กมัธยมปลาย รวมทั้ง ปวช. (อายุ 15-17 ปี) ควรนอน 8.5 ชั่วโมง
การ นอนหลับให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายของเด็ก ๆ เติบโตสูงขึ้น เพราะในเวลาที่เด็ก ๆ นอนหลับสนิท ต่อมใต้สมองจะหลั่งฮอร์โมนชื่อ growth hormone ออกมา ถ้าเด็กนอนไม่พอ growth hormone จะถูกหลั่งออกมาน้อยกว่าปกติ ส่งผลให้ตัวเตี้ย ไม่สูงเท่าที่ควร นอกจากนี้การนอนไม่พอยังส่งผลให้การเรียนตกต่ำ เนื่องจากความง่วงนอนทำให้การรับรู้ ความเข้าใจ สมาธิ การเรียนรู้สิ่งใหม่ การแก้ปัญหา และความจำลดน้อยลง การนอนไม่พอยังทำให้เด็ก ๆ มีอารมณ์รุนแรง มีพฤติกรรมก้าวร้าว หงุดหงิด ภูมิต้านทานต่ำ และเจ็บป่วยง่าย
ใน วารสาร Archives of Internal Medicine ฉบับ วันที่ 18 ก.ย. 2549 ได้มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาเปรียบเทียบจำนวนชั่วโมงการนอนหลับของนักศึกษาใน มหาวิทยาลัยจาก 24 ประเทศในยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชีย พบว่า นักศึกษาไทยนอนน้อยติดลำดับที่ 21 และจากการศึกษาของทุนง่วงอย่าขับ มูลนิธิรามาธิบดี ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งได้ทำการศึกษาเด็กนักเรียนจาก 3 โรงเรียนในกรุงเทพฯ ลพบุรี ราชบุรีจำนวน 2 พันกว่าคน ตั้งแต่ประถม 1 ถึงมัธยม 3 พบว่าจำนวนชั่วโมงนอนหลับในวันเรียนหนังสือเฉลี่ยแล้วน้อยกว่ามาตรฐาน 1-1.5 ชั่วโมงต่อคืน ส่วนในวันหยุดน้อยกว่ามาตรฐาน 0.5-1 ชั่วโมงต่อคืน มีจำนวนชั่วโมงอดนอนสะสมต่อสัปดาห์อยู่ระหว่าง 6-9 ชั่วโมง น.พ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการ ทุนง่วงอย่าขับฯ กล่าวว่า “ถึงเวลาแล้วที่ผู้รับผิดชอบและผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านการศึกษาต้องให้ความ สำคัญกับการนอนหลับและหาวิธีแก้ไข ซึ่งการแก้ไขทำได้ไม่ยาก เริ่มที่ให้ความรู้ ให้เด็กไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการนอนให้เพียงพอ การนอนหลับมีความสำคัญเท่ากับอาหารและการออกกำลังกาย การนอนหลับไม่ใช่กิจกรรมสุดท้าย หลังจากทำกิจกรรมอื่นเสร็จแล้วถึงจะเข้านอน แต่เมื่อถึงเวลานอนเด็กจะต้องให้ความสำคัญของการนอนเหนือกิจกรรมอื่น ๆ” ผู้ใหญ่ ควรสอนให้เด็กรู้จักแบ่งเวลาให้เป็น จัดลำดับความสำคัญว่าควรทำอะไรก่อนหลัง รีบทำการบ้านให้เสร็จตั้งแต่หัวค่ำ เมื่อใกล้ถึงเวลานอน เด็ก ๆ ไม่ควรเล่น ควรผ่อนคลาย ทำใจให้สงบ ไม่กังวล เคร่งเครียด คิดแก้ปัญหาต่าง ๆ เพราะจะทำให้นอนไม่หลับ เมื่อถึงเวลานอนต้องหยุดกิจกรรมอย่างอื่นทุกอย่าง รวมทั้ง หยุดคุยโทรศัพท์มือถือ หยุดเล่นเกมออนไลน์ ใช้อินเทอร์เน็ต หยุดดูโทรทัศน์ และเด็ก ๆ ควรเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดเรียนหรือวันหยุด นอกจากจะรณรงค์ให้เด็ก ๆ เห็นถึงความสำคัญของการนอนหลับให้เพียงพอแล้ว ทุนง่วงอย่าขับฯ ยังได้รณรงค์ให้โรงเรียนจัดสถานที่ให้เด็กได้งีบหลับช่วงหลังอาหารกลางวัน 10-15 นาทีด้วย เพราะการงีบหลับจะทำให้สมองเด็กสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เรียนรู้ได้ดีและฉลาดขึ้น มีการศึกษาพบว่าการงีบหลับเพียงระยะเวลาสั้น ๆ จะทำให้เด็กฉลาดขึ้น ในประเทศญี่ปุ่นได้มีการรณรงค์ให้เด็กญี่ปุ่นงีบหลับเวลากลางวัน เพื่อความได้เปรียบทางสติปัญญามากว่า 3 ปีแล้ว และในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้บรรจุวิชาการนอนหลับในชั่วโมงการเรียนการสอน ของเด็กในระดับมัธยมตอนปลายมา 2 ปีแล้ว
ขอบคุณที่มาดีๆ :http://webboard.yenta4.com/topic/368707
Blog_my friendห้อง2
- 01 ฉัตริน
- 02 ณัฐภัทร
- 03 ธนพล
- 04 ธีรศักดิ์
- 05 ปวิณ
- 06 ภัทร
- 07 วสุพล
- 08 ธรรศกร
- 09 กชกร
- 10 จันทร์จิรา
- 11 จินดาพร
- 12 ชลวรรณ
- 13 ช่อผกา
- 14 ณภัทร์กมล
- 15 ณัฐฐาภรณ์
- 16 ธนิดา
- 17 ธัญวรัตม์
- 18 นฤมล
- 19 นัทธมน
- 20 นันทกานต์
- 21 นารีรัตน์
- 22 ประภัสสร
- 23 ประภัสสร
- 24 ปาลิตา
- 25 พรพิมล
- 26 พัชรี
- 27 พิมพ์ชนก
- 29 มนัสวี
- 30 มีกรุณา
- 31 วรีวรรณ
- 32 ศิรประภา
- 33 ศุราภรณ์
- 34 สุรารักษ์
- 35 สุวิชชา
- 36 อธิชา
- 37 นุสรา
- 38 วิลาวัณย์
- 39 ญาณิศา
- 40 ณัฐวดี
- 41 ปาริชาติ
- 42 สกาวรัตน์
- 43 อนนทภัทร
- ขนิษฐา
- ญาดา
วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น