วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โปรตีนสำหรับวัยรุ่น

โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ เพื่อการเจริญเติบโต
หรือชดเชยส่วนที่สูญเสียไป เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์และฮอร์โมนทุกชนิด เด็กวัยเรียน
และวัยรุ่นเป็นวัยที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงมีความต้องการโปรตีน
ที่มีคุณภาพดีในปริมาณมากพอสำหรับการเสริมสร้างการเจริญเติบโต โปรตีนที่ร่างกาย
ได้รับจากอาหารจะมีคุณภาพแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของกรดอะมิโนที่เป็นส่วนประกอบ
ของโปรตีน ดังนั้น อาหารที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนครบถ้วน จัดเป็นอาหารที่มีโปรตีน
สมบูรณ์ ได้แก่ อาหารประเภท เนื้อสัตว์ต่างๆ ไข่ และนม อาหารที่มีกรดอะมิโนไม่ครบ
ถ้วน จะจัดเป็นอาหารโปรตีนชนิดไม่สมบูรณ์ ได้แก่ ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง
ถั่วเขียว ถั่วแดงและถั่วดำ พืชผักต่างๆ และธัญพืช

ดังนั้น โปรตีนที่ควรบริโภคสำหรับวัยเรียนและวัยรุ่น ก็คือโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์
ชนิดต่างๆ ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากอาหารเหล่านี้ และควรเลือก
บริโภคถั่วเมล็ดแห้งและผลิตภัณฑ์จากถั่วเมล็ดแห้งบ้างเป็นบางมื้อ จะช่วยให้ร่างกาย
ได้รับโปรตีนเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

ขอบคุณที่มาดีๆ :http://www.siamswim.com/knowleage/anamai3.html

ส่งงานคอมแว้ว

วันนี้ยุ่งมากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะยุ่งเรื่อง การสอบชีววิทยาไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานหรือเพิ่มเติมแล้ว ยังยุ่งเรื่องงานคอมอีก ไม่ใช่ว่าเราหมกงานไม่ทำ แต่ทำไปบางแล้วก็มีบางส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์มากนัก แต่ก็ต้องสู้ๆๆ เพราะส่งพรุ่งนี้แล้ว มันก็ต้องทำให้เสร็จอะ

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

บุหรี่ อันตรายสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง

โทษของการสูบบุหรี่ มีดังนี้

1. เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

2. ฟันเหลือง ตาแดง เล็บเขียว

3. มีกลิ่นตัวและกลิ่นปากรุนแรง

4. เป็นที่น่ารังเกียจของสังคม

5. เสียเงินจำนวนมากโดยใช่เหตุ

6. ส่งผลร้ายต่อคนรอบข้าง

7. เป็นมะเร็งช่องปาก รวมถึงฟันและลิ้น (ปากเน่าเละเฟะ)

8. เป็นมะเร็งหลอดลมและหลอดอาหาร

9. เป็นมะเร็งกล่องเสียง

10. เป็นมะเร็งปอด (มะเร็ง ที่ทรมานมากที่สุด) มีโอกาสเป็นโรคมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 20 เท่า

11. ถุงลมโป่งพองจนไม่สามารถหดตัวกลับได้ มีผลทำให้หายใจติดขัด หอบ จนถึงตายได้

12. โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล

13. โรงตับแข็ง เช่นเดียวกับการดื่มสุรา

14. โรคปริทนต์ (ฟันเน่าเละ)

15. โรคโพรงกระดูกอักเสบ

16. โรคความดันโลหิตสูง

17. ประสาทในการรับรสแย่ลง

18. มีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก บางครั้งไอถี่มากจนไม่สามารถหลับนอนได้

บุหรี่ คือ ฆาตกรเงียบ ที่ทำร้ายชีวิตเราโดยไม่รู้ตัว


ขอบคุณที่มาดีๆ :http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1205885

เบื่อที่สุด เรียนแค่ 2คาบ

วันนี้แทนที่เราจะดีใจที่เรียนแค่ 2 คาบแต่กลับรู้สึกตรงกันข้ามกับเบื่อๆมากมาย ตั้งใจจะไปสอบครูเกยูร แต่ก็ไม่ได้สอบเพราะครูไม่อยู่ ตั้งใจจะคิดโครงงานให้เสร็จก็ไม่เสร็จเพราะนั่งปั่นวิชาคณิตเพิ่มเติมที่จะต้องส่งพรุ่งนี้ วันนี้การบ้านก็ไม่มีนอกจากภาษาไทยเรื่อง ส่งสารด้วยการพูด เท่านั้น แต่ก็ยังดีที่เทอมนี้มีการผ่อนคลายมากกว่าเทอมที่แล้ว สู้ๆๆๆต่อไป

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หลักการเดาข้อสอบภาษาอังกฤษ

เทคนิคเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป๊ะร้อยเปอร์เซ็น เอาไว้ใช้กรณีที่ ไม่รู้จะตอบอย่างไร อย่างน้อยๆ เดาอย่างมีหลักการ ก็ยังดีกว่าเดาสั่วๆไป
พวก Dialog แบ่งได้สองแบบ
short situation(พวก A ถาม B ตอบ)
๑. สำนวนภาษา ต้องไม่เวอร์ เอาแบบ กำลังพอดีๆ ให้มันสุภาพๆพอ ไม่ต้องสุภาพซะแทบจะ กราบสวัสดีท่านเจ้าคุณพะยะค่ะ ไรงี้อ่ะ(เทียบเป็นภาษาอังกฤษเอานะ)
๒.ถ้าในตัวเลือก มีแค่ตัวเลือกเดียว ที่ขึ้นต้นด้วย กริยาช่อง๑ แล้วไม่ได้ห้อยคำว่า please เอาไว้ด้านท้าย มักจะผิด เพราะมันจะกลายเป็นประโยคคำสั่ง ซึ่งไม่สุภาพ แต่ย้ำอีกทีนะ ต้องดูเหตุการณ์ด้วย ถ้าเป็นเจ้านายคุยกับลูกจ้างก็ยังพอทน ย้ำอีกอย่าง ต้องมีแค่ข้อเดียวนะ ถ้ามีหลายข้อใช้ไม่ได้
long situation (พวกคุยกันยาวๆ แล้วเว้นว่างไว้ให้เติม)
เหมือน short situation หมดเลย แต่เพิ่มข้อนี้ไปด้วยคือ
๓. โครงสร้างไวยากรณ์ต้องสัมพันธ์กัน โดยรวมทุกๆ part ใช้หลักดังนี้ครับ
๑. ถ้ามีปฏิเสธข้อเดียว มักผิด
๒.ข้อที่สั้นที่สุดมักผิด(เอาพวกสั้นแบบทุเรศๆนะ อันอื่นยาวเป็นบรรทัด นี่โผล่มาไม่กี่คำ ไรเงี้ย)
๓.ข้อที่มีพวกคำที่ค่อนข้างบีบคั้นอ่ะ อย่างเช่น (absolutly, completely, all, only, whole, entire, every..., thoroughly, must, have to ไรเงี้ย) มักผิด จำเองไม่ได้หมดหรอก ให้ลองใช้การทำข้อสอบเยอะๆ แล้วจับความรู้สึกเอาเอง ว่าตัวไหนเป็นพวกตัวบีบอ่ะ
๔.ลองดูพวก conjunction ให้ดีๆ ข้างหน้ากะข้างหลังของ conjunction มักจะให้ความรู้สึกไปในทิศทางเดียวกัน ถ้ามันทิศทางไม่เหมือนกัน นั่นล่ะผิด (พวกความรู้สึกในแนว positive กะ negative อ่ะนะ)
๕.ข้อที่มีคำซ้ำกับเนื้อเรื่องและโจทย์เยอะๆ มักผิด
๖.ถ้าเป็นข้อความที่ตามหลัง preposition หรือ conjunction ที่ไม่ใช่ and, but, or, not only...but alsoมักจะผิด
๗.ถ้ามี Continuous tense อยู่แค่ชอยส์เดียว มักผิด
๘. พวกที่เป็น ขั้นสูงสุด( พวก the+...est, the most ....) ข้อเดียวมักผิด
๙. ขั้นกว่าข้อเดียวก็มักจะผิด มันมักจะออกมาให้เรางงเล่นๆ (พวก ...er than, more ...than )
๑๐. passive voice ข้อเดียวมักจะผิด พวก Active voice มักจะถูกมากกว่า
๑๑. tone แตกต่างจากข้ออื่น มักจะถูก (โทน positive , negative พวกเงี้ยอ่ะ)
๑๒.สำคัญมากๆ อย่าใช้อคติมาช่วยตอบ เช่นถ้ามันเป็นข้อสอบ ยกย่อง สรรเสริญ ก็ต้องตามน้ำ
๑๓. เอาไว้ทำข้อสอบพวก passage นะ เอาไว้ใช้กรณีที่แบบว่า "ตูไม่มีอะไรจะเสียแล้ว(โว้ยยยย)" ข้อที่มันยาวๆอ่ะ โอกาสถูกมากกว่า เพราะมันจะต้องอธิบายจนกระทั่งเด็กไม่สามารถโต้แย้งได้
๑๔. ใช้ในกรณีที่ สอบในโรงเรียน ซึ่งไม่ค่อยจะเฉลี่ยชอยส์นะ(พวกสอบระดับประเทศ มักเฉลี่ยชอยส์) ตามหลักจิตวิทยา เขาจะชอบเอาคำตอบที่ถูกมาไว้ ชอยส์ ๓ มากที่สุด รองลงมาก็ ๒ ๔ ๑ ตามลำดับ
๑๕. ข้อที่มันแปลได้แบบ ตรงเป๊ะๆอ่ะ มักผิด
บอกก่อนนะ อันนี้มันไม่ได้ชัวร์ว่าร้อยเปอร์เซ็นนะ เอาไว้เวลาคิดไม่ออกจริงๆ แล้วจะเดา ค่อยเอานี่ไปใช้ เดาแบบมีหลักการยังดีกว่าเดาแบบส่งๆ

ขอบคุณที่มาดีๆจาก :http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1463337://www.dek-d.com/board/view.php?id=1463337

พรุ่งนี้เรียนแค่ 2 วิชา

วันพรุ่งนี้ดิฉันเรียนแค่ 2 วันเอง เพื่อนบางคนก็ไม่มาโรงเรียนเพราะงานบางอย่างยังไม่เสร็จ เช่น โครงงานที่จะต้องเสร็จและส่งอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ที่จริงเวลาทำโครงงานมีทั้งนานแล้ว แต่บางคนก็ไม่ทำ ทำให้ต้องลำบากตอนหลัง โครงงานที่พูดถึงดิฉํนอาจพูดได้ว่า อาจเป็นกลุ่มแรกที่นำเสนอให้ครู แต่ทุกอย่างก็ผิดคาดเพราะโครงงงานที่ดิฉันทำมันมีตัวแปรที่ต้องการศึกษาอีกมากมายทำให้การเสร็จเป็นรูปแบบสมบูรณ์ช้ากว่าที่ดิฉันกำหนดไว้ แต่ไม่เป็นไรจะสู้ต่อไป...