วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เข้าสู่การเป็นแพทย์

วันนี้เป็นเรียนวิชาชีวะ คุณครูบอกให้เตรียมปอดหมูมาทำการทดลองการผ่าตัด เพื่อศึกษาอวัยวะภายใน ที่ห้องของดิฉันได้เตรียมมาทั้งหมด 4 ปอด ในตอนแรกดิฉันไม่กลัวที่จะผ่าแล้วดูอวัยวะภายในระบบหายใจ แต่เมื่อดิฉันคิดว่า ถ้าเราอยากเป็นหมอ เราก็ต้องทำให้ได้ เมื่อดิฉันลงมือปฏิบัติจริง กลับมองว่าเป็นเรื่องที่สนุก ท้าทาย ดิฉันได้ผ่าตัดทุกส่วนตั้งแต่หลอดลม หลอดอาหาร กล่องเสียง ปอด และหัวใจ เป็นต้น ดิฉันรู้สึกว่า การที่เราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นการตัดสินใจของเราทั้งหมด ถ้าวันนี้ดิฉันไม่ได้ผ่าตัดปอดหมู ดิฉันก็คงไม่คิดดิฉันจะสามารถเป็นแพทย์ได้

เทคนิคการshopping

ขั้นตอนก่อนการshopping

1. อย่างแรกที่ต้องทำก็คือควรตั้งเป้าไว้ก่อนเลยนะคะว่า การช้อปปิ้งครั้งนี้เราต้ องการซื้ออะไรเป็นหลัก ไม่อย่างนั้นการช้อปปิ้งครั้งนี้จะกลายเป็นการเดินช้อปปิ้งแบบชิลๆ โดยที่ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาเลย
2. เมื่อวางแผนเสร็จแล้วว่าจะซื้ออะไรบ้าง ทีนี้ก็ได้เวลาที่เราจะต้องเริ่มสืบราคาแล้วล่ะค่ะว่าของที่เราอยากได้นั้น มีขายที่ไหนและราคาประมาณเท่าไหร่บ้าง อาจจะเช็คราคาจากอินเตอร์เน็ต หรืออาจจะแอบไปเซอเวย์ดูก่อนก็ได้ว่ามีร้านไหนขายบ้าง ราคาเท่าไหร่ แล้วค่อยกลับมาตัดสินใจเลือกร้านที่ถูกและดีที่สุด
3. ลืมไม่ได้เด็ดขาดเมื่อเช็คราคาของที่ต้องการซื้อแล้ว เราก็ต้องมาเช็คเรตติ้งเงินในกระเป๋าเราด้วยว่ามีทุนทรัพย์อยู่เท่าไหร่ จำไว้นะคะว่าอย่าได้ช้อปปิ้งเกินตัวเป็นอันขาดมิฉะนั้นอาจเกิดการเป็นหนี้ได้โดยไม่รู้ตัวนะจ๊ะ
4. และถ้าอยากจะประหยัดมากขึ้น ถ้าต้องการช้อปปิ้งเสื้อผ้า พี่เหมี่ยวแนะนำให้น้องๆ ลองหาตัวหารดูค่ะ หาเพื่อนรวมอุดมการณ์ช้อปง แล้วก็เลือกแหล่งช้อปแบบขายส่ง อย่าง แพทตินั่ม ใบหยก ประตูน้ำ รับรองว่ามีให้เลือกเพียบค่ะ ถูกใจและถูกตังค์ด้วย
5. อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำก่อนออกไปช้อปปิ้งก็คือ ลองเช็คดูให้ดีๆ ก่อนว่าของที่เราอยากได้นั้น เรามีอยู่แล้วรึเปล่า ถ้ามีอยู่แล้วและยังใช้งานได้ดีก็ไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่หรอกค่ะ
6. อยากได้ของดีไม่จำเป็นต้องเข้าห้างค่ะ ของถูกของดียังคงมีอยู่นะจ๊ะ อาจจะแฝงตัวอยู่ตามจตุจัตร รัชดาไนท์พลาซ่า หรือตะวันนา ยังไงถ้าจะช้อปให้ฉลาดก็ต้องลงทุนเดินสำรวจกันหน่อยล่ะ
7. เตรียมปากเตรียมใจไว้ต่อราคา ยิ่งร้านที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในห้างด้วยแล้วล่ะก็ ต่อเป็นต่อเลยค่ะมีปากซะอย่าง ใช้เทคนิคออดอ้อนซะหน่อย รับรองว่าเราจะได้ของราคาถูกกลับมาแน่ๆ ค่ะ
8. อย่าช้อปปิ้งบ่อยจนเกิดไป เตือนตัวเองไว้ว่าการช้อปปิ้งคือการผลาญเงินให้หมดไปกับกิเลสของเราเอง เราอาจจะมีความสุขตอนได้ช้อปปิ้ง แต่อาจจะมีความทุกข์ตามมาแน่ๆ ถ้าค่าขนมในสัปดาห์นี้หมดไปกับเสื้อตัวสวยซะแล้ว
9. ช้อปปิ้งอย่างมีลิมิทเมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ให้ถอนตัวทันทีจะได้ไม่เกิดอาการงบบานปลายยังไงล่ะ
10. และท้ายที่สุดเลือกช้อปปิ้งในช่วงสิ้นปีนี่ล่ะเริ่ด เพราะเป็นช่วงที่บรรดาสินค้าต่างๆ ลดแลกแจกแถมกันแบบไม่อัน นี่ล่ะเวลาทองของนักช้อป!!!

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันแห่งความสุข

วันนี้ดิฉันดีใจมากๆที่สามารถสะสางการบ้านที่ค้างไว้เสร็จจนได้ การบ้านเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นคณิต ชีวะ เคมี เป็นต้น การที่เราจะทำสิ่งใดให้ประสบความสำเร็จได้ นอกจากความฉลาดของเราแล้ว มันก็จะขึ้นอยู่กับความพยายามของเราด้วยว่า มีมาก - น้อยเพียงใด

อยากสวยตลอดกาล ต้องทำตามนะ

วันนี้เรามีวิธีที่จะดูแลตัวเองให้สวยตลอดกาลมาฝาก ไปดูกันเลยค่ะ


1. รับประทานผักผลไม้สารพัดสีที่ธรรมชาติมี
สาวๆ จ๋า...อยากให้ตัวเองดูสวยสดใสตราบนานเท่านานล่ะก็ ต้องรู้จักเลือกรับประทานอาหาร โดยเฉพาะผักผลไม้ซึ่งถือว่า "สุดยอดอาหารเพื่อผิวสวย" นั่นเอง โดยต้องรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ที่มีหลากสีในตู้เย็นของคุณ เช่น สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีส้มแครอต สีเขียวคะน้าหหรือบร็อกโคลี่ สีเหลืองพริกเหลือง ฯลฯ อย่ายึดติดกับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีมีสารอาหารต่างชนิด และยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินไม่ให้น่าเบื่อด้วย

นอกจากนี้ยังมี วิธีการกินที่ทำให้คุณอร่อยกับผักผลไม้กว่าที่คุณคิด และยังไม่รับสารอาหารเพื่อผิวสวยกันแบบเต็มๆ คือ นำผักที่ชอบสีอะไรก็ได้ มามิกซ์รวมกันเป็นสลัดทานพร้อมน้ำสลัด ที่มีให้เลือกหลายรสชาติ แค่นี้ก็รับประทานทั้งผักผลไม้ได้ทุกวันแบบไม่มีเบื่อ



2. สวยเพราะบริหารหน้าท้องใน 5 วินาทีทุกวัน
รีบกลับมาออกกำลังกันได้แล้วค่ะ นอกจากส่งผลเรื่องสุขภาพที่ดีมากๆ แล้ว ยังช่วยให้ผิวสวยตลอดไปอย่างไร้ข้อกังขา แต่หาก
ไม่ มีเวลาจริงๆ มีวิธีง่ายๆ ที่ทำให้คุณสวยและมีสุขภาพดีขึ้นได้ใน 5 วินาที คือ ยอมตื่นเช้าหน่อย ก่อนลุกจากเตียง ให้นอนหงาย เกร็งหน้าท้องไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 20 ครั้ง ทุกๆ วัน ประมาณสองสัปดาห์เห็นผลเลยว่า หน้าท้องกระชับขึ้น คราวนี้แหละ..ใส่ชุดไหนก็สวย

3. แปรงผิวทุกวันตอนเช้าและก่อนนอน
สำหรับการแปรงผิวต้องใช้แปรงที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ใยบวบ ฯลฯ ซึ่งใช้เวลาแปรงให้
ทั่ว ตัวครั้งละไม่ต่ำกว่า 5 นาทีก่อนอาบน้ำปกติ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และหลังอาบน้ำทุกครั้ง บำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อคงความชุ่มชื่นให้ผิว

4. หนีงาน พักร้อน คืนความสวย
หา เวลาพักให้หายอ่อนล้า หายเซ็ง หายเครียดกันซะบ้าง โดยเฉพาะความเครียดเนี่ยเป็นตัวทำลายความสวยมากๆ เลยล่ะ เนื่องจากเวลาเครียดร่างกายจะหลั่งเฮอร์โมนความเครียดออกมาก ผลคือหน้าตาไม่สดใส ผิวหมองคล้ำ สุขภาพแย่ ฯลฯ แบบนี้จะคงความสวยอยู่ได้ยังไง ดังนั้น อย่าปล่อยให้เครียด รีบเติมความสดใสให้ชีวิต และรีชาร์จตัวเอง อาจหนีงานไปพักร้อนสัก 2-3
วัน เป็นการผ่อนคลายความเครียดที่ได้ผล การสร้างเสียงหัวเราะให้กับตัวเอง ร่างกายจะได้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (สารแห่งความสุข) เมื่ออารมณ์ดี ส่งผลสุขภาพดี ผิวดี แบบนี้..จะไม่สวยได้อย่างไรล่ะ

5. งดกินอาหารที่ก่อเกิดเซลลูไลต์ซะที
อย่าง ที่รู้กัน...แอลกอฮอล์ กาแฟอีนในชากาแฟ มีผลร้ายต่อระบบเผาผลาญอาหารของร่างกาย ซึ่งรู้ไหมว่าอาหารพวกนี้กินทีไร ส่งผลให้ร่างกายบวมน้ำ ที่สำคัญก่อให้เกิดเซลลูไลต์ง่ายๆ ป้องกันซะก่อนจะยากเกินแก้ ด้วยการเลิกดื่มชากาแฟ และเครื่องดื่มแอลกลฮอล์ซะดีกว่า หันมาดื่มน้ำผลไม้แทน สาวๆ ที่ชอบปาร์ตี้แล้วอดไม่ได้กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คงต้องรีบอดใจงดซะก่อนจะเสียสวย

6. รับประทานผักสดและผลไม้อย่างน้อยวันละ 1 จาน

โดยเฉพาะผักผลไม้อุดมด้วยวิตามินซี ไฟเบอร์ และสารต่อต้านอนุมูลอิสระโดยวิตามินซีสามารถช่วยเก็บคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิว ดูกระชับ เปล่งปลั่ง ส่วนไฟเบอร์ช่วยขับมลพิษออกจากร่างกาย ช่วยให้ผิวสดใสขึ้น ส่วนสารต่อต้านอนุมูลอิสระ แน่นอนช่วยชะลอไม่ให้แก่ก่อนวัย
นั่นเอง ผักผลไม้ที่อุดมด้วยสารเหล่านี้ เช่น มะเขือเทศ แครอต บร็อกโคลี่ ผักคะน้า มะละกอ สับปะรด พรุน ฝรั่ง สตอร์เบอรี่ กล้วย ฯลฯ รวมทั้งธัญญพืชต่างๆ ด้วย แต่หลายคนอาจเบื่อกับการ กินผักผลไม้ อีกทั้งไม่มีเวลาที่จะทำอะไรที่ซับซ้อน ยุ่งยาก วิธีง่ายๆ ใช้เวลาแค่ 5 นาที ก็สามารถช่วยให้ผักผลไม้ของคุณอร่อยขึ้น คือการทานผักกับน้ำสลัดรสชาติที่ชอบ หรือจิ้มผลไม้กับน้ำสลัดแทนพริกกับเกลือ ก็ช่วยให้ทานผักผลไม้อร่อยขึ้น




ที่มา : http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=35&post_id

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

7 เคล็ดลับอ่านให้จำได้

1. ต้องสร้างทัศนคติที่ดีต่อการอ่านหนังสือซะก่อน หากมีทัศนคติที่แย่ๆ ต่อการอ่านหนังสือแล้ว อ่านถึง 10 รอบก็ไม่มีทางจำได้ อ่านเยอะอย่างไรก็ไม่เข้าหัว

2. เมื่อมีทัศนคติที่ดีต่อการอ่านหนังสือแล้ว ก็ต้องมาสร้างแรงจูงใจในการอ่านหนังสือด้วย แรงจูงใจจะเป็นตัวผลักดันและกระตุ้นให้มีความอยากในการอ่านหนังสือ ซึ่งวิธีการสร้างแรงจูงใจก็คือ พยายามคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าเราอ่านหนังสือสำเร็จ เช่น ถ้าเราตั้งใจอ่านหนังสือและเตรียมความฟิตให้ตัวเองจนพร้อมแล้ว เราก็สามารถตะลุยข้อสอบได้ ผลก็คือได้คะแนนเป็นที่น่าพอใจ จากจุดนี้ก็จะทำให้เราได้เกรดสูงๆ หรือไม่ก็ Admissions ติด พ่อ แม่ พี่ น้อง ก็จะดีใจหรืออาจจะได้รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากท่านอีกก็ได้ อิอิ

3. พยายามสรุปเรื่องที่เราอ่านแล้วจำเป็นรูปภาพ ปกติแล้วมนุษย์จะจำเรื่องราวทั้งหมดเป็นรูปภาพ หลายๆวิชาที่ไม่มีรูปภาพประกอบทำให้เราอ่านแล้วไม่สามารถจินตาการ หรือจดจำได้ ให้เพื่อนๆ สรุปเรื่องที่เราอ่านแล้ว นำมาทำเป็น My map เพื่อเชื่อมโยงในส่วนที่สัมพันธ์กันและวาดให้เป็นความเข้าใจของตัวเอง จะทำให้จำได้แม่นขึ้น

4. หาเวลาติวให้เพื่อน เป็นวิธีการทบทวนความรู้ไปในตัวได้ดีที่สุด เพราะเราจะสอนออกมาจากความเข้าใจของตัวเราเอง หากติวแล้วเพื่อนที่เราติวให้เข้าใจ ถือว่าเราแตกฉานในความรู้นั้นได้อย่างแท้จริง

5. เน้นการตะลุยโจทย์ให้เยอะๆ พยายามหาข้อสอบย้อนหลังมาทำให้ได้มากที่สุด เพราะการตะลุยโจทย์จะทำให้เราจำได้ง่ายกว่าการอ่านเนื้อหา

6. เตรียมตัวและให้ความสำคัญในการอ่านหนังสือในวิชาที่เราถนัดมากกว่าวิชาที่ดันไม่ขึ้น หลายคนเข้าใจผิด ไปทุ่มเทเวลาให้กับวิชาที่เราไม่ถนัด วิชาไหนที่เราไม่ถนัด ดันยังไงมันก็ไม่ขึ้น เสียเวลาเปล่า เอาเวลาไปทุ่มให้กับวิชาที่เราทำได้ให้ชัวร์ดีกว่า จะได้เอาคะแนนไปถัวเฉลี่ยกับวิชาอื่นๆ แบบนี้เข้าท่ากว่าเยอะนะ

7. สมาธิเป็นสิ่งสำคัญมากในการอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ ต้องมีสมาธิดี ใครที่สมาธิสั้น จะจำยาก ลืมง่าย ใครสมาธิดี จะจำง่าย ลืมยาก การอ่านหนังสือ ต้องอ่านต่อเนื่องอย่างน้อย ชั่วโมงครึ่ง 30 นาทีแรกจิตใจของเรากำลังฟุ้ง ให้พยายามปรับให้นิ่ง 60 นาทีหลัง ใจนิ่งมีสมาธิแล้วก็พร้อมรับสิ่งใหม่ เข้าสู่สมอง ที่สำคัญอย่าเอาขยะมาใส่หัว ห้ามคิดเรื่องพวกนี้ซักพักเช่น เรื่องหนัง , เกม , แฟน พยายามออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้จิตใจเรานิ่งขึ้น

สัปดาห์แห่งการสอบ

สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งการสอบ เพราะเป็นการสอบเก็บคะแนนกลางภาค วันที่สอบชั้นม.ต้นสอบ 2 วัน ส่วนชั้นม.ปลายสอบ 3 วัน
คือ วันจันทร์ พุธ และศุกร์ ในสัปดาห์ที่สอบดิฉันไม่ได้เปิดcomputerเลย เพราะอ่านหนังสือตลอดวันที่หยุด การบ้านก็มากมายเท่าภูเขา พอสอบเสร็จก็สะสางชุดใหญ่เลย ดีใจจังใกล้ถึงวันคริสต์มาสแล้ว ต้องเอาถุงเท้าไปแขวน ซานต้าจะได้ให้ของขวัญ(เพื่อนๆเชือกันหรือเปล่า)เป็นความเชื่อตอนเด็กๆที่เชื่อว่า ซานต้ามีจริงแต่พอโตก็รู้ว่า ซานต้าคือคนที่อยู่ใกล้เราที่สุด นั้นคือ พ่อแม่ของเราเอง
เพื่อนเห็นกันแล้วใช่ไหมว่า ก่อนวันคริสต์มาสเราขออะไร วันคริสต์มาสเราก็จะได้อย่างนั้นเพราะพ่อแม่รักเราและพร้อมที่จะให้เราทักอย่าง เพื่อนต้องรักพ่อแม่ให้มากๆนะ

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พ่อสุดประเสริฐของลูก


เมื่อวานเป็นวันพ่อแห่งชาติ ดิฉันได้ทำในสิ่งที่อยากทำมากมายแต่ไม่ได้หมายความว่าดิฉันกระทำเฉพาะวันพ่อเท่านั้น ดิฉันกระทำทุกวัน แต่อาจจะพิเศษจากเดิม เช่น ตอนเย็นของวันศุกร์ดิฉันออกไปหาซื้อพวงมาลัยว่าจะใช้มาไหว้พ่อวันเสาร์ แต่ไปช้าพวงมาลัยเหลือแต่ไม่สวย ดิฉันเลยตั้งใจว่าจะซื้อวันพรุ่งนี้ตอนเช้าโดยไม่บอกให้ใครรู้ แต่เกิดเหตุขัดข้องนิดหน่อยเลยไม่ได้ไป ตอนบ่ายประจวบเหมาะดิฉันเลยไปซื้อพวงมาลัย ที่ร้านขายดอกไม้มีพวงมาลัยหลายขนาด หลายราคาขั้นต่ำตั้งแต่ 10 บาทถึง 120 บาท ในตอนแรกดิฉันจะซื้อพวงมาลัยพวงละ 100 บาทเพราะเห็นว่ามันสวย เป็นดอกมะลิที่ขาวบริสุทธิ์สื่อแทนความรักที่ดิฉันมีให้พ่อได้อย่างเต็มเปี่ยม แต่ดิฉันก็ซื้อไม่ได้เพราะเอาเงินไปไม่พอจึงซื้อพวงมาลัยพวงละ 60 บาทมาแทน เป็นพวงมาลัยดอกมะลิทั้งพวง ตรงปลายเป็นดอกกุหลาบสีชมพู ( น้าออกเงินให้ในบางส่วน )พอถึงบ้านดิฉันเอาพวงมาลัยใส่ตู้เย็นโดยไม่ให้แม่เห็น แต่ความลับไม่มีในโลกแม่เห็นและถามว่า ซื้อมาให้พ่อหรอก ดิฉันตอบว่า ค่ะจะsurpriseพ่อกับแม่ซักหน่อย แม่เห็นไม่surpriseเลย อย่าบอกพ่อนะ
พอถึงตอนกลางคืนดิฉันก็เข้าไปกราบพ่อและอวยพร พร้อมกับขอโทษในสิ่งที่ดิฉันทำไม่ดีกับท่าน ท่านก็อวยพรให้ดิฉันพร้อมถ่ายรูปด้วยกัน ดิฉันเห็นรอยยิ้มของท่าน ดิฉันก็มีความสุขมากๆเลย ในวันพ่อปีนี้เพื่อนๆไปกราบท่านและทำตัวเป็นลูกที่ดีกับท่านแล้วหรือยัง ? ถ้ายังเพื่อนก็รีบทำนะเพราะทุกอย่างไม่แน่นอน ท่านอาจจะไม่อยู่ให้เรากราบแล้วก็ได้

ปล.ดิฉันมาเขียนในวันนี้เพราะเมื่อวานดิฉันดีใจและตื่นเต้น จนลืมมาเขียนเลยขอโทษด้วยนะ